วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

ทริป หัวหิน เพลินวาน(ตอนที่2)

 วัดห้วยมงคล 

      ความเดิมจาก ตอนที่1 หลังจากดื่มด่ำบรรยากาศยามเช้าของเมืองหัวหิน และเก็บภาพความสวยงามที่เขาตะเกียบอย่างเต็มอิ่มแล้ว  มองดูเข็มบนหน้าปัดนาฬิกาเหลือเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าเพลินวาน จะเปิด  จึงต้องหาสถานที่ทัศนาเพื่อรอเวลาไปพลางๆก่อน  จุดหมายต่อไปของพวกเราก็คือ ..วัดห้วยมงคล  นั่นเอง



   

      วัดห้วยมงคล  เป็นวัดที่ประดิษฐานองค์เหมือนหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก  แต่เดิมชื่อว่า "วัดห้วยคต"  ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานนามใหม่จาก ห้วยคต เป็น "ห้วยมงคล" ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นทั้งชื่อหมู่บ้าน วัด โรงเรียนและโครงการต่าง ๆ อีกมากมาย

   
      หลังกราบสักการะองค์หลวงพ่อทวดเพื่อเป็นสิริมงคลแล้ว  ก็เริ่มออกสำรวจสภาพภายในวัดเพื่อเก็บภาพสวยๆมาฝากเพื่อนๆกันครับ..



       จากจุดที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อทวด เดินลึกเข้ามาภายในวัด พบว่า วัดห้วยมงคล แห่งนี้ มีพื้นที่กว้างขวางไม่ธรรมดา ทุกตารางนิ้วได้รับการออกแบบและจัดสรรค์อย่างลงตัว..  แม้ว่าช่วงกลางวันของวันนี้แดดจะร้อนไปหน่อย แต่ก็มียังสายลมเย็นพัดเบาๆให้ได้คลายร้อนลงได้บ้าง..


       บริเวณรอบวัดมีสระน้ำขนาดใหญ่ให้ความชุ่มชื่นและร่มเย็น (สมกับที่ชื่อว่าห้วยมงคลจริงๆ) ทั้งยังมีศาลาริมน้ำให้นักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญได้นั่งพัก ให้อาหารปลาไป นั่งดูเหล่ามัจฉาแหวกว่ายยื้อแย่งอาหารจากบรรดานักท่องเที่ยวไป ก็เพลินไปอีกแบบ..

      
       อีกมุมหนึ่งของ วัดห้วยมงคล ซึ่งอยู่ด้านหลังองค์หลวงพ่อทวดมาไม่ไกลนัก มีหนองน้ำขนาดใหญ่ ที่คอยโอบอุ้มความอุดมสมบูรณ์ หล่อเลี้ยงเหล่าสัตว์น้ำนานาชนิดและพืชพันธ์บริเวณใกล้เคียง เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนอารมย์ที่สวยงามอีกมุมหนึ่ง..

  
       รอบๆหนองน้ำ มีสะพานไม้เป็นทางเดินเชื่อมไปสู่ศาลาเรือนไม้มุงหญ้าคา ซึ่งตั้งเรียงรายอยู่รอบๆหนองน้ำราวกับรีสอร์ทหรู..  ภายในศาลาริมน้ำถูกจัดวางด้วยม้านั่งไม้เนื้อดีสีสันสวยงาม ให้ผู้มาเยือนได้นั่งพักผ่อนชมทัศนียภาพโดยรอบ ก่อนออกเดินทางต่อ..
       
        หลังเหน็ดเหนื่อยจากการตระเวณไปรอบๆวัดแล้ว ก็มาหยุดที่ร้านกาแฟภายในวัด เพื่อดับกระหายและคลายง่วง เพราะออกเดินทางกันตั้งแต่ตีสามครึ่ง กะว่าจะหามุมเงียบๆงีบพักเอาแรงสักหน่อย ..




        กาแฟสดที่นี่รสชาติกลมกล่อมใช้ได้ ไม่แพ้ตามห้างหรูๆเลยที่เดียว แถมราคาก็ไม่แพงจนเกินไป การตกแต่งและจัดวางสินค้าภายในร้านก็ดูสวยงามสบายตา..


      ในร้านยังมีมุมขายของที่ระลึก สินค้าโอท๊อป และผลไม้ทั้งในและนอกฤดูกาลสีสันสดใสสวยงามน่ารับประทานยิ่งนัก..
                   
               ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


      หลังจากพักผ่อนและงีบหลับเอาแรงแล้ว มองดูท้องฟ้า..ดวงตะวันเคลื่อนมาเกือบตรงหัวแล้ว  ป่านนี้ เพลินวาน คงจะเปิดให้บริการแล้ว และเราคงได้เวลาออกเดินทางต่อแล้วกระมัง.. 


  ข้อมูลเพิ่มเติม
      รูปหล่อหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก หล่อด้วยโลหะผสม หน้าตัก กว้าง 9.9 เมตร สูง 11.5 เมตร บนฐานสูง 3 ชั้น ชั้นล่างกว้าง 70 เมตร ยาว 70 เมตร ได้จัดสร้างเสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย พร้อมที่จะให้พุทธศาสนิกชน ทั่วประเทศได้เดินทางมานมัสการ กราบไหว้เคารพสักการะ ด้วยเส้นทางที่สะดวกต่อการคมนาคมโดยใช้เส้นทางหัวหิน-น้ำตกป่าละอู (ทางหลวงหมายเลข 3219) ..


   จบตอนที่2     +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

   อดใจรออีกนิดนะครับ ตอนหน้า(ตอนที่3) ก็จะถึงเพลินวานแล้วครับพี่น้อง..

วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

ทริป หัวหิน เพลินวาน (ตอนที่1)

ตอนที่1 (บรรยากาศหัวหินยามเช้า และเขาตะเกียบ..)

      ทริปนี้เดิมทีตั้งใจจะไปเปิดหูเปิดตา สัมผัสบรรยากาศ ของตลาดย้อนยุคที่เลื่องชื่อลือนามของหัวหิน  นั่นก็คือ ..เพลินวาน  แต่ไหนๆมาถึงหัวหินทั้งที ก็เลยถือโอกาสเก็บเกี่ยวบรรยากาศ เรื่องราวและสถานที่ใกล้เคียง อันเป็นมนต์เสนห์แห่งเมืองหัวหินถิ่นมีหอย มาฝากเพื่อนๆ..



         ออกเดินทางจากชลบุรีตั้งแต่ตี3ครึ่ง กะว่าจะให้ถึงหัวหินตอนเช้าตรู่ เพื่อมาให้ทันลิ้มรสปลาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้และกาแฟร้อนๆที่ตลาดหัวหินในยามเช้า

         สายลมเย็นพัดแผ่วเบาในยามอรุณรุ่งแห่งวันใหม่  ขณะที่แสงสีทองของดวงตะวันยังคงงัวเงียอยู่ตรงเส้นขอบฟ้าด้านตะวันออก ราวกับเด็กขี้เซา. 

        พระภิกษุสามเณรออกบิณฑบาตรเป็นทิวแถว บ้างก็แยกออกมาบิณฑ์เดี่ยวตามตรอกซอกซอย หมู่พุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาต่างรอใส่บาตรกันหนาตา อันเป็นกิจวัตรประจำวันของคนที่นี่..

                                                                                                        

                                      
        อิ่มอร่อยมื้อเช้าด้วยเกี๋ยวเตี๋ยวและข้าวมันไก่ ที่ร้านริมทางกลางตลาดเมืองหัวหิน ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ของที่นี่ (เสียดายที่จำชื้อร้านไม่ได้..) มีลูกค้าทั้งขาจรอย่างพวกเรา และขาประจำมาอุดหนุนกันไม่ขาดสายตั้งแต่เช้าตู่เลยทีเดียว..
   
         
        ป้าเจ้าของร้านให้การต้อนรับและบริการด้วยอัธยาสัยไมตรีที่ดี..อีกทั้งรสชาติอาหารและก๋วยเตี๋ยวที่นี่นับว่าเข้าขั้น ไม่แพ้ก๋วยเตี๋ยวบ้านบึงของเมืองชลเลยทีเดียว  ผู้คนที่นี่แลมีอัธยาสัยไมตรีจิตที่ดีต่อกัน ดูแล้วน่าประทับใจยิ่งนัก..

           +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
        
       เนื่องจาก เพลินวา จะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 11.00 -24.00  แต่พวกเราดันมาถึงตอนหกโมงเช้า ก็เลยต้องหาสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆของเมืองหัวหิน เที่ยวรอเวลากันไปก่อน ..


 

           เขาตะเกียบ เป็นสถานที่ที่มีชื่ออีกแห่งหนึ่งของเมืองประจวบคีรีขันธ์ เป็นเขาที่ยื่นออกไปในทะเล มีโขดหินสวยงาม เป็นที่ประทับของพระพุทธรูปปางห้ามญาติขนาดใหญ่ซึ่งหันหน้าออกสู่ท้องทะเล

        
      
        บันไดทางขึ้น..แม้มองดูจะไม่สูงชันมากนัก แต่สำหรับคนอายุเลย30อย่างพวกเรา ก็เล่นเอาเหนื่อยหอบไปตามๆกัน

         
        ตามสองข้างทางเต็มไปด้วยบรรดาเจ้าจ๋อ สมุนแห่งหนุมานทหารเอกพระราม..บางตัวขี้เล่นชอบวิ่งแยกเขี้ยวเข้าใส่คน บางตัวก็รอจังหวะแย่งขนมจากมือนักท่องเที่ยวผู้กำลังเหนื่อยล้าจากการปีนป่ายบันได หรือเผลอดื่มด่ำบรรยากาศสองข้างทางไม่ทันระวังตัว



      
 
        ค่าตอบแทนแห่งความเหนื่อยล้าของการเดินทางขึ้นมาข้างบนก็คือ ได้สักการะพระบรมสารีริกธาตุ ถือเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตยิ่ง..  หากเหลียวมองลงไปข้างล่าง จะได้ทัศนาภาพอันสวยงามของทิวทัศน์แห่งท้องทะเล และตัวเมืองหัวหินได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว..

                      



      เขาตะเกียบ อยู่ห่างจากตัวเมืองหัวหินไป ทางทิศใต้ประมาณ 5  กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายมือจากถนนเพชรเกษมที่กิโลเมตร 235 (สามแยกเขาตะเกียบ-ปราณบุรี) เข้าไปประมาณ 500 เมตร สามารถขับรถยนต์ขึ้นไปได้  บริเวณตีนเขาเป็นแหล่งขายอาหารทะเล ทั้งสดและแห้งให้บริการหลายร้าน สามารถแวะซื้อเป็นของฝากขากลับลงมาก็ได้..

   จบตอนที่1                               
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

  ยังไปไม่ถึง เพลินวาน เลยอ่ะ อดใจรออีกสักนิดนะครับ ..ต่อตอนที่2

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

ป่าชายเลน..ชลบุรี

       ป่าชายเลน ชลบุรี เป็นอีกถานที่หนึ่งของชลบุรี ที่อยากแนะนำให้เพื่อนๆแวะมาพักผ่อนหย่อนใจในวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือจะพาลูกหลานมาท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์วิทยา ศึกษาธรรมชาติ ของป่าชายเลนก็ยิ่งดี.. ถือเป็นการเพิ่มพูนความรู้ และประสบการณ์นอกห้องเรียนให้กับพวกเขา..

    
      บ่อยครั้งที่แวะเวียนมาเดินเล่นที่ป่าชายเลนแห่งนี้ในวันว่างๆ (ไม่มีที่จะไป..อ่ะ)  คราวนี้เลยถือโอกาสเก็บภาพบรรยาศ และธรรมชาติสวยๆมาฝากเพื่อนๆ

  
     ด้วยสภาพป่าชายเลนที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์  จึงไม่ผิดหวังที่มักจะได้พบกับนกกินปลานานาชนิด , ปลาตีน, ปูทะเลสีสวย  โดยเฉพาะนกกระยางขาว ซึ่งมักจะพบมาำกในช่วงบ่ายแก่ๆไปถึงเย็น (มาเป็นฝูงเลยครับ.ขอบอก)  บางตัวมีขนาดใหญ่มาก (ตัวเกือบเท่าห่านแน่ะ.. )   หากเพื่อนๆอยากเห็นตัวเป็นๆ ก็ต้องมาเฝ้ารอดูกันเองนะครับ..รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน..

     จุดเด่นของป่าชายเลนแห่งนี้อีกอย่าง คงหนีไม่พ้นเจ้านี่ครัีบ.."ปลาตีน"   ซึ่งจะเห็นได้ตลอดสองข้างทางเดิน  ยิ่งในตอนที่น้ำทะเลลงจะเห็นได้เยอะมากๆเลยครับ..
  
  
        ยิ่งเดินลึกเข้าไป..ยิ่งได้สัมผัสถึงธรรมชาติความเป็นป่าชายเลนที่สมบูรณ์ร่มรื่น.. ในวันที่อากาศอบอ้าว นานๆทีจะมีลมทะเลแหวกกิ่งไม้ ที่ไหวเอน แทรกผ่านพฤกษาใบ มาสัมผัสผิวกายให้คลายความร้อน...

  
     แม้ในช่วงบ่ายแก่ๆ อากาศจะอบอ้าวไปบ้าง แต่ตลอดสองข้างทาง ก็ยังมีร่มเงาจากกิ่งไม้ใบบังของป่าโกงกาง และแสม ที่คอยยืนสยายแผ่กิ่งก้านบังแดด-ฝนให้แก่ผู้เดินทาง..

  
      ลึกเข้าไปอีก..จะพบกับสะพานแขวนที่เชื่อมต่อระหว่างเส้นทางเดิน ซึ่งตอนนี้ได้รับการซ่อมแซมจนดูแข็งแรง เพิ่มความมั่นใจขึ้นอีกเยอะเมื่อเดินข้ามผ่าน..(ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยจะกล้า เดินข้ามอ่ะ..)  ตรงสะพานจุดนี้เอง เหมาะกับการถ่ายภาพสวยๆเก็บใว้เป็นที่ระลึกอย่างมาก (เสียดายที่ไม่มีนางแบบ)

 
      ถัดจากสะพานมา จะมองเห็นทะเลอยู่ลิบๆที่ปลายทาง ซึ่งเป็นทางเดินวกกลับไปสู่ทางออก รวมระยะเส้นทางเดินถึงจุดนี้น่าจะมากกว่าหนึ่งกิโลเมตรขึ้นไป..(เริ่มเหนื่อยแล้วอ่ะ..)

     
      ทางเดินจะเป็นสะพานไม้ทอดยาวเลียบลัดเลาะไปตามชายทะเล ช่วงนี้อาจจะร้อนไปสักหน่อย เพราะเป็นพื้นที่โล่ง ไม่ค่อยมีต้นไม้ขึ้น ( กำลังเร่งปลูกกันอยู่ครับ..)  หากมาในช่วงบ่ายๆขอแนะนำให้พกร่มมาด้วยนะครับ (สำหรับใครที่กลัวผิวเสีย..)

   
        วิวสวยๆ ในช่วงเส้นทางขากลับ  แม้เส้นทางไกล..แต่ก็มีที่ให้นั่งพักเหนื่อยเป็นระยะๆ..
    

        หากจะให้ได้อรรถรสในการเดินชมธรรมชาติของที่นี่  ขอแนะนำให้ค่อยๆเดินไป พักไป ไม่ต้องรีบ (เหมือนตามหาควายหายน่ะ..) หากช่วงไหนเจอวิวสวยๆ หรือเห็นหมู่ปลาตีนกำลังวิ่งหยอกล้อเล่นกัน ก็หยุดพักชมสักหน่อย แล้วค่อยออกเดินต่อนะครับ


        หลังจากเดินจนเมื่อยน่อง ก็มาถึงทางออกสักที..เฮ้อ.   หากใครไม่ค่อยได้เดินออกกำลังกาย รับรองมาที่นี่ได้เหงื่อกลับไปทุกราย...



         ป่าชายเลน ชลบุรี แห่งนี้ ตั้งอยู่ในเขตศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนเชิงนิเวศ ด้านหลังองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี  ต.เสม็ด อ.เมือง ชลบุรี  เปิดให้บริการตั้งแต่ 8.00-18.00 น.

       สำหรับเส้นทางมาที่นี่ ก็ไม่ยากอะไรเลยครับ ออกจากตัวเมืองชลบุรีมาไม่ไกลนัก มาทางเส้นเมืองใหม่ ที่จะไปอ่างศิลา เมื่อถึงแยกนินจาก็ให้เลี้ยวขวาเข้ามาทาง อบจ. ชลบุรี  หรือเพื่อนๆสามารถดูเส้นทางได้จากแผนที่ข้างล่างได้เลยนะครับ...


      
     
     คลิ๊กเพื่อดูแผนที่ได้ที่นี่เลยครับ ..









    เพราะโลกนี้ยังมีอะไรอีกมากมาย ที่รอคอยให้เราค้นหาและไปเยือน ...

    อ่านหนังสือพันเล่ม มิเ่ท่าเดินทางสิบลี้...   

    เริ่มออกเดินทางกันได้แล้วเพื่อนๆ ..   Let Go !  





*********************************************************************


 Update ภาพเพิ่มเติม ไปเดินถ่ายมาเมื่อวันหยุดที่ผ่านมา
 Update on :  7 Sep 2011


  บรรยากาศยามเย็นที่ป่าชายเลน ชลบุรี


  




  


   
























































































         จบแล้วครับ   ว่างๆลองหาเวลาแวะมาตอนเย็นๆนะครับ  อากาศจะไม่ร้อนมากนัก ลมทะเลเย็นพัดโชยแผ่ว  รอดูดวงตะวันลับขอบฟ้า จมหายไปในทะเล...


   ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++