หลังเลิกงานวันนี้ มีโอกาสแวะเวียนมาแถวสะพานปลาชลบุรีอีกครั้งหนึ่ง เลยถือโอกาสเดินเที่ยว "ตลาดประมงท่าเรือพลี" หาของกินอร่อยๆ และเก็บภาพสีสันยามเย็นของ "ตลาดประมงท่าเรือพลี" มาฝากเพื่อนอีกครั้ง..
คงเพราะใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้วสินะ แค่หกโมงกว่าๆเอง แสงทองของดวงตะวันก็ลับหายไปจากขอบฟ้าด้านตะวันตกแล้ว ทิ้งใว้เพียงความมืดสลัวแห่งสนธยา และแสงเรืองรองของดวงตะเกียงจากเรือหาปลาของชาวเล ที่อยู่ไกลลิบออกไป..
เมฆในยามเย็นทอดตัวยาวออกสู่ท้องทะเล..ราวกับสะพานแห่งท้องฟ้า ที่คอยนำทางหมู่วิหกนกกาบินกลับสู่รวงรัง..
ตรงทางเข้า"ตลาดประมงท่าเรือพลี" จะเห็นเรือหาปลาสีแดงเข้ม ตั้งเด่นเป็นสง่า ประหนึ่งสัญลักษณ์ของงานนี้ ที่ใครๆเดินผ่านมาจะต้องสะดุดสายตา และอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปลูบๆคลำๆ และกดชัตเตอร์เก็บใว้ในเมมโมรี่แห่งความทรงจำ..
ฝั่งตรงข้ามกับเรือลำสีหมากสุกเมื่อกี้นี้.. จะเห็นป้ายประชาสัมพันธ์ขนาดใหญ่ บรรยายถึงจุดเด่นของอาหารทะเลที่นี้ ซึ่งเน้นความความสด สุก ถูก และอร่อย เปิดทุกวันเสาร์ตั้งแต่ 4 โมงเย็นเป็นต้นไป
เดินผ่านประตูเข้ามา.. กลิ่นหอมของวัตถุก้อนกลมที่ถูกเสียบด้วยไม้ไผ่บนเตาย่าง กำลังแย่งกันส่งกลิ่นหอมอบอวลชวนน้ำลายไหล.. "แจงลอนปลากราย" นั่นเอง ทั้งสีสัน กลิ่นหอม และรสชาติอร่อยสมคำโฆษณาจริงๆครับ..
เดินเข้ามาอีกหน่อย จะเป็นส่วนของอาหารทะเลสดๆ ใหม่้ๆ ที่เพิ่งขึ้นจากเรือมา รับรองว่าท่านจะได้ของสด สะอาด ในราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป..
ปูนึ่งเจ้านี้.ดูสีสันน่ารับประทานยิ่งนัก ตัวกำลังพอดี นึ่งสุขใหม่ๆ สดๆ มีป้่ายติดบอกราคาชัดเจน สนใจแวะเข้าไปต่อรองกันได้นะครับ..
หมึกสดย่างถาดนี้ ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนมาแต่ไกล ลองลิ้มชิมรสดูแล้ว ได้รสชาติของความสด และกลิ่นหอมของหมึกย่าง เนื้อปลาเหนียวนุ่มพอดี บวกกับน้ำจิ้มรสเด็ดเผ็ดหน่อยๆ อร่อยอย่างลงตัวยิ่งนัก..
ไม่เพียงแต่อาหารทะเลเท่านั้น ที่นี่ยังมีอาหารอย่างอื่นอีกมากมายหลายชนิด อย่างหมูหวานสูตรพิเศษถาดนี้ หมักได้รสชาติกลมกล่อมไม่แพ้ที่อื่นเลยนะครับ ยิ่งถ้าได้ข้าวเหนียวร้อนๆสักปั้น อิ่มถึงเช้าเลยเชียว.
หรือจะเป็นข้าวห่อใบบัวของเจ้านี้ รสชาติความอร่อยรับรองไม่แพ้ที่อื่นเหมือนกัน ได้ทั้งความนุ่มหอมของเมล็ดข้าวและธัญพืชที่เป็นส่วนผสมอยู่ภายใน มองดูสีสันยิ่งชวนให้น่ารับประทานขึ้นไปอีก..
เมนูนี้ขอแนะนำเป็นพิเศษเลยครับ "หอยทอดครกทะเลทรงเครื่อง" เพิ่งเคยชิมที่นี้เป็นครั้งแรก ติดใจรสชาดความสดอร่อยของหอย บวกกับเทคนิคการแคะอย่างขนมครก แค่ยืนดูก็น่าสนุกและคุ้มค่าแล้วล่ะครับ.. ยิ่งทานตอนแคะออกมาจากกระทะใหม่ๆ ร้อนๆ ได้บรรยากาศและรสชาติการกินที่แปลกไปอีกแบบ..
กรรมวิธีการทำและการเทน่าสนใจมากครับ ต้องกะปริมาณน้ำที่เทให้พอดีกับหลุมครกไม่มากไป หรือน้อยจนเกินไป เพื่อให้แต่ละครกออกมาใกล้เคียงกันที่สุด
จากนั้นก็แต่งหน้าด้วย กุ้ง หอย ปู ที่นึ่งสุขสดๆใหม่ๆ ตามแต่ลูกค้าต้องการ.. เห็นแค่นี้ก็ยากที่จะอดใจรอแล้วล่ะครับ อยากให้แม่ค้ารีบแคะเร็วๆจัง..
ที่เห็นกำลังเทเครื่องลงไปอยู่นี้ ขอตั้งชื่อว่า "ขนมครกญี่ปุ่น" ก็แล้วกันนะครับ (จำชื่อไม่ได้อ่ะ)
เพียงเห็นหน้าตา และได้กลิ่นหอมๆที่โชยมากระทะร้อนๆแล้ว อดไม่ได้จนต้องไปต่อแเถวเข้าคิวรอ..
หลังจากสุกแล้ว ต้องใช้ไม้แคะออกจากเบ้ากระทะ ก่อนจะนำมาประกบกันเป็นลูกกลมๆ ซึ่งรสชาติความอร่อยจะถูกซ่อนใว้ข้างในนี่แหละครับ รวมถึงความร้อนของแป้งด้วย ต้องระวังเป็นพิเศษเวลาทาน.. อย่าเผลอกินเข้าไปทั้งคำเลยเชียว..
ขนมหวานรูปกาตูนย์หลากแบบหลายสีสัน ประดิษประดอยด้วยฝีมืออันปราณีตสวยงาม ดูแล้วน่าซื้อเก็บใว้ดูเล่นมากกว่ารับประทาน..
ถัดมาข้างๆกัน..ขนมหวานรูปผลไม้ สีสันสดใสสวยงามไม่แพ้กัน สำหรับท่านที่ชอบขนมหวาน สีสวยๆ แวะมาแล้วรับรองไม่ผิดหวังแน่นอนเลยครับ..
ทานเสร็จแล้วก็อย่าลืมช่วยกันรักษาความสะอาดด้วยนะครับ...
หากมีเวลาก็อย่าลืมแวะร้านขายเสื้อยืดสกรีนลายสวย เลือกเป็นของฝากของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับไปใส่อวดเพื่อนๆด้วยล่ะครับ..
ที่นี้..มีโต๊ะเก้าอี้จัดเตรียมใว้สำหรับให้นั่งทานกันได้ตามอัธยาศัย บางวันมีดนตรีและการแสดงหน้าเวที ขับขานเป็นเพื่อนระหว่างรับประทาน ไม่ต่างจากภัตคารหรูใจกลางเมือง เพียงแต่ที่นี้อาหารสด รสชาติอร่อย ราคาถูกกว่า แถมยังได้บรรยากาศชายทะเล ฟังเสียงคลื่นเบาๆ ลมทะเลเย็นๆ อีกต่างหาก
สำหรับ "ท่าเรือพลี" แห่งนี้ เดิมมีชื่อว่า "สะพานศาลเจ้า" ซึ่งมีที่มาตามลักษณะชุมชนบ้านสะพานของชาวชลบุรีสมัยก่อน ซึ่งมักปลูกสร้างบ้านเรือนอยู่ในทะเล และจะสร้างสะพานไม้ลัดเลาะไปตามทะเลเป็นทางเดิน ใช้เป็นทางสัญจรไปมาของผู้คนที่อาศัยอยู่สองฟากฝั่งสะพานเพื่อลงสู่ทะเล ประกอบกับในซอยนี้มีศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของผู้คน ตั้งอยู่ที่ต้นซอยและท้ายซอยคือ ศาลเจ้าฮกเกี้ยนปุ้นเถ้าอยู่ต้นซอย และศาลเจ้าทีตี้เปบ้ออยู่ท้ายซอย จึงเป็นที่มาของคำว่า "สะพานศาลเจ้า"
เมื่อก่อนนี้ ชลบุรียังไม่มีถนนสุขุมวิทตัดผ่าน "ท่าเรือพลี" ถือเป็นท่าเรือที่มีความสำคัญอย่างยิ่งทางด้านเศรษกิจของชลบุรี เพราะเป็นท่าเรือสำหรับเรือฉลอมและเรือกลไฟ ใช้รับส่งสินค้า และรับส่งผู้โดยสารระหว่างชลบุรี-กรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ จึงเป็นที่มาของ "ท่าเรือพลี"
............................................................................................................
สำหรับเพื่อนๆที่อยู่แถวชลบุรีหรือจังหวัดใกล้เคียง หากมีโอกาศแวะมาแถวนี้ ก็อย่าลืมนึกถึง "ตลาดประมงท่าเรือพลี" นะครับ หรือมาไม่ถูกต้องการสอบถามเส้นทางหรือคนนำทางก็ยินดีครับ..
"ตะวันรอนอ่อนแสงสีแดงเรื่อ
ลอยลำเรือกลางทะเลสุดเหว่ว้า
รัตติกาลซอนไซใกล้เข้ามา
เส้นขอบฟ้ามืดสนิทจิตวังเวง
ที่ฟากฝั่งนั่งเหม่อละเมอคิด
เรือชีวิตคนนั่งช่างโหวงเหวง
พายุชัดกระหน่ำซ้ำโคลงเคลง
ให้ลอยเคว้งกลางสมุทรสุดเดียวดาย.."
Update เพิ่มเติม : เนื่องจากมีเพื่อนๆหลายคนโทรมาสอบถามเส้นทางที่จะไปตลาดประมงท่าเรือพลี เลยต้องเอาแผนที่เส้นทางมาลงให้ดูกัน หวังว่าคงจะคลำทางไปกันถูกนะครับ..
แผนที่ตลาดประมงท่าเรือพลี
ถ้ามาจากกรุงเทพสายบางนาตราด ขับตรงเข้ามาทางชลบุรี ก่อนถึงตัวเมืองชลบุรี (ช่วงค่ายทหารนวมินทร์) เจอสามแยกบางทราย ให้เลี้ยวขวาตรงไฟแดง ขับไปตามทางลัดที่จะไปอ่างศิลา หรือหาทางทะลุไปออกเส้นเลียบชายทะเล (สอบถามคนแถวนั้นก็ได้ครับ) แล้วขับไปตามสะพานใหม่เลียบชายทะเล ซอยท่าเรือพลีจะอยู่ด้านซ้ายมือ..