ทริปนี้จะพาเพื่อนๆย้อนอดีตกลับไปสู่วันวาน ที่ตลาดน้ำอัมพวา เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้มาสัมผัสบรรยากาศที่นี่และยังคงเก็บภาพความประทับใจใว้ในห้วงคำนึง รอวันเปิดผนึกความทรงจำเพื่อย้อนกลับไประลึกถึงอีกครั้งนึง..
"ตลาดน้ำอัมพวา" เป็น แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของ จังหวัดสมุทรสงคราม บรรยากาศของที่นี่จะร่มรื่นไปด้วยสวนผสมริมน้ำ ทั้งลิ้นจี่ มะม่วง มะพร้าว มะละกอ กล้วย ส้มโอ ฯลฯ สารพัดผลไม้รอให้เราได้มาชื่นชมกัน โดยเราสามารถหลบร้อนไปลงเรือล่องคลองชมสวน สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน ชิมผลไม้ต่างๆ หรือซื้อกลับไปกินที่บ้านให้ชื่นฉ่ำใจก็ได้ หรือจะเลือกปั่นจักรยานเช่าถีบไปคู่ขนานกับท้องร่อง ก็ได้อรรถรสอีกแบบหนึ่ง เช่นกัน
เริ่มต้นทริปนี้ด้วยน้องๆ(แก็งลูกหมู) รบเร้าอยากไปสัมผัสบรรยากาศแบบโฮมสเตย์ที่อัมพา เพราะด้วยเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากพรรคพวกที่เคยไปมาแล้ว บอกเล่าถึงความประทับใจ จึงใคร่อยากไปเห็นด้วยตาตัวเอง..
เมื่อเดินทางมาถึงตลาดน้ำอัมพวา พวกเราได้เข้าพักที่ บ้านแม่อารมย์ โฮมสเตย์ ซึ่งน้องๆเขาจองใว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อมาถึงก็มีพี่เจ้าของบ้าน(พี่ป่า)ให้การต้อนรับและแนะนำการเข้าพักด้วยอัธยาศัยไมตรีที่ดี ประหนึ่งเราคือญาติผู้มาเยือน..
บ้านแม่อารมย์ โฮมสเตย์ ตั้งอยู่ที่ 343 ต. อัมพวา ตำบลอัมพวา อำเภออัมพวา สมุทรสงคราม 57110 โทรศัพท์ :0346751245 หรือจะติดต่อที่เบอร์มือถือของพี่ป่าหรือพี่รสสุคนธ์เจ้าของบ้านก็ได้นะครับ 01-8566861 .
หลังจากจัดเก็บสัมภาระเข้าห้องพักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเดินเที่ยวชมบรรยากาศของ
ตลาดน้ำอัมพวา กันเสียที.. แม้แดดจะร้อนไปสักนิด แต่วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ยังคงเหมือนเฉกเช่นทุกวันที่ผ่านมา เรือพายลำเก่า ที่บรรทุกขนมและผลไม้หลากหลายชนิด ขับเคลื่อนโดยฝีพายผู้ช่ำชองซึ่งผ่านเรื่องราวและประสบการณ์มานานนับสิบๆปี ยังคงเร่ไปตามสายน้ำแห่งนี้ เพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยวผู้มาเยือน..
ส่วนวิถีชีวิตของผู้คนบนริมสองฝั่งคลอง โดยเฉพาะช่วงวันหยุดนั้น ดำเนินไปอย่างคึกคักด้วยสีสันแห่งอัมพวา กับการขายสินค้าและบริการ ตั้งแต่อาหาร ของใช้ ผลไม้ ขนม ถั่วต้ม กาแฟ ฯลฯ และของที่ระลึกต่างๆ ซึ่งมีหลายหลากมากชนิดให้เลือกซื้อเลือกหาติดไม้ติดมือเป็นของฝากกลับไป..
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจของ
ตลาดน้ำอัมพวา คือ
บ้านครูเอื้อ อัมพวา ซึ่งก่อตั้งโดยมูลนิธิสุนทราภรณ์ โดยการนำอาคารไม้โบราณ ริมคลองอัมพวา อันเป็นถิ่นกำเนิดของครูเอื้อ สุนทรสนาน เมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้ว เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงนิทรรศการประวัติผลงานของครูเอื้อ ศูนย์รวมข้อมูลสำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจค้นคว้าเรื่องราวของเพลงสุนทราภรณ์ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เปิดให้แฟนเพลงเข้าไปนั่งฟังเพลง ค้นคว้า อ่านหนังสือ นอกจากนี้ยังแสดงของใช้ส่วนตัวของครูเอื้อ และภาพเก่า ๆ ที่หาชมได้ยาก รวมทั้งจำหน่ายของที่ระลึกและผลงานเพลงของครูเอื้อ สุนทรสนาน
สถานที่แห่งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งใน "โครงการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นชาวอัมพวา" ของมูลนิธิชัยพัฒนา ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีฯ อีกด้วย
สมานการค้า เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ยังคงความคลาสสิคแห่งอัมพวาเอาใว้ เป็นร้านกาแฟเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่รุ่นอากง จนปัจจุบันตกทอดมาสู่รุ่นหลาน ที่ยังรักษามาตรฐานของกาแฟโบราณรสชาติเข้มข้นมาได้อย่างคงเส้นคงวา แถมยังมีกาแฟคั่วสำเร็จรูปจำหน่ายในนาม "สมานการค้า" ด้วย
ตัวร้านตกแต่งในสไตล์โบราณ แต่ได้เพิ่มลูกเล่นให้ดูแปลกตามากขึ้นด้วยการนำหลอดใส่น้ำมาบรรจุเครื่อง ดื่มหลากหลายสีสันวางเรียงรายเพื่อดึงดูดใจลูกค้าที่มาท่องเที่ยวที่ตลาดน้ำอัมพวา..
หากใครจะแวะมาชิมรสชาติกาแฟที่
สมานการค้า : จากวัดอัมพวันให้เดินตรงเข้าไปที่ตลาดน้ำอัมพวา แล้วเดินข้ามสะพาน จากนั้นเลี้ยวซ้ายเดินเลียบชายคลองอัมพวาไปเรื่อยๆ จะพบร้านกาแฟสมานการค้าอยู่ทางด้านขวามือ..
แม่ค้าขายผลไม้ ยังคงพายเรือไปตามลำคลอง จะแวะเข้าเทียบท่าก็ต่อเมื่อมีลูกค้าเรียกหา หรือบางทีก็จอดทอดลำเรือรอลูกค้าในจุดที่ผู้คนพลุกพล่าน ส่วนเรือยนต์ที่ให้บริการนักท่องเที่ยวก็ยังคงวิ่งขวักไขว่ไปมาอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยเช่นกัน..
สำหรับนักท่องเที่ยวผู้สนใจเรือแจวโบราณแบบในสมัยก่อน ที่นี่ก็มีให้บริการเช่นกัน ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการล่องเรือชมบรรยากาศของอัมพวาแบบใกล้ชิดและดื่มด่ำกับสองฝั่งคลองไปเรื่อยๆ..
*****************************************************
อัมพวาราตรี
แม้ดวงตะวันจะลับขอบฟ้าไป
อัมพวาใช่ตกอยู่ใต้ความมือมิด..แต่ที่นี้กลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้งในสไตล์ถนนคนเดิน ตลาดโต้รุ่ง และการล่องเรือชมหิงห้อยในยามค่ำคืน..
พวกเรากลับมาที่พักที่
บ้านแม่อารมย์ อีกครั้ง หลังเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางและเดินเที่ยวกันเกือบครึ่งวัน บ้างพักนอนเอาแรง(เราเองแหละ) บ้างก็ทำกิจธุระส่วนตัวของแต่ละคน หลังจากนั้นก็จัดเตรียมอาหารสำหรับมื้อเย็น ซึ่งแก็งลูกหมูเขาแวะซื้อมาจากตลาดมหาชัยตั้งแต่เช้าแล้ว ..
ทั้งปูนึ่งตัวโต หมึกกล้วยย่างสดๆ หอยย่าง กุ้งย่าง ยังกะมาเที่ยวทะเล.. อาหารเยอะกินไม่หมดก็แบ่งปันไปเป็นกับแกล้มให้พี่ๆโต๊ะข้างๆ ที่มาเข้าพักบ้านเดียวกัน รู้สึกจะเป็นชมรมถ่ายภาพมาออกทริปถ่ายรูปนอกสถานที่กัน
เมื่อดินเนอร์ใต้แสงนีออนที่ริมฝั่งคลองอัมพวาจบลง และทุกคน
อิ่มหมูดูมัน(มาจากอิ่มหมีพีมัน)กันแล้ว เวลาที่ทุกคนตั้งตารอก็มาถึง นั่นคือ การล่องเรือชมหิงห้อย.. แม้จะเคยเห็นหิงห้อยมาบ้างแล้ว สมัยที่อยู่ต่างจังหวัด(บ้านนอก) แต่เมื่อมาเจอหิงห้อยที่อัมพวา นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นฝูงหิงห้อยเยอะขนาดนี้ แต่ละตัวแข่งกันส่องแสงระยิบระยับ ราวกับไฟประดับต้นคริสต์มาสในวันปีใหม่ แต่น่าเสียดายที่เขาห้ามถ่ายภาพ เพราะเกรงว่าจะไปรบกวนวิถีชีวิตของหิงห้อยเลยไม่มีภาพมาฝากเพื่อนๆ..
หลังจากล่องเรือชมแสงหิงห้อยกันเสร็จแล้ว เรือก็มาจอดเทียบท่าด้านสถานีตำรวจอัมพวา ซึ่งเดินมาไม่ไกลนักจะมีตลาดคนเดินสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมบรรยากาศของ
อัมพวายามราตรี ของที่วางขายที่นี่ จะมีตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ และของที่ระลึก...
ริมระเบียง ตรงนี้เป็นอีกจุดนึง ที่บรรดานักท่องเที่ยวผู้มาเยือนตลาดน้ำอัมพวาต้องแวะมาถ่ายรูปกัน ด้วยสไตล์การจัดหน้าร้าน ที่มีจักรยานรุ่นเก่าและมีกระเช้าดอกไม้ห้อยประดับตกแต่งอย่างลงตัว เหมาะที่จะเป็นแบล็คกราวด์ได้เป็นอย่างดี..
กลับมาถึงบ้านแม่อารมย์ ปรากฎว่าห้องโถงถูกแปรสภาพเป็นสตูดิโอถ่ายภาพไปเสียแล้ว ด้วยฝีมือพี่ๆที่มาออกทริปกัน ก็เลยถือโอกาศเข้าไปแจมของความรู้กับพี่เขา ซึ่งทุกคนเป็นกันเองและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการถ่ายภาพเป็นอย่างดี..
********************************************************
อัมพวา..ยามรุ่งอรุณ
บรรยากาศยามเช้าของ
ตลาดน้ำอัมพวาวันนี้ ดูเงียบสงบ.. ผู้คนส่วนใหญ่ยังคงหลับไหลบนที่นอนนุ่ม แต่ก็มีบางส่วนที่รีบตื่นแต่เช้าเพื่อมารอให้ทันใส่บาตร..
พระ-เณรที่นี่จะพายเรือออกบิณฑบาตตั้งแต่ตี5 กว่าจะมาถึงตลาดน้ำอัมพวาก็ราวหกโมงเช้า..
วิถีชีวิตผู้คนสองฝั่งคลองที่นี่ ยังคงรักษาใว้ซึ่งขนบประเพณีที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งการทำมาหากิน และการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา..
ส่วนพระภิกษุ สามเณร ก็มิได้ละทิ้งกิจแห่งสงฆ์ นั่นคือการออกโปรดสัตว์ แม้เส้นทางจะยาวไกล สายน้ำจะไหลเชี่ยวเพียงใด ท่านก็ยังคงออกบิณฑบาตรมิได้ขาด..
ตะวันใกล้โผล่พ้นขอบฟ้าแล้ว แสงสีทองสะท้อนผิวน้ำจนแดงเรื่อ.. ขับเคลื่อนวิถีชีวิตผู้คนทั้งบนบกและในน้ำ การดิ้นรนทำมาหาเลี่ยงชีพเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง..
มื้อเช้าของวันนี้ อิ่มอร่อยด้วยผัดไทยกุ้งสดสูตรอัมพวา ที่แม่ค้าพายเรือมาจอดให้บริการถึงหน้าบ้าน นอกจากนี้ยังมีทั้งก๋วยเตี๋ยวเรือ ก๋วยจั๊บ ขนมหวาน ผลไม้ ต่างก็แวะเวียนมาจอดให้เลือกซื้อกันถึงที่เลยทีเดียว..
ผัดไทยกุ้งสดจานนี้เพิ่งออกจากระทะมาสดๆร้อนๆ เส้นเหนี่ยวนุ่มกำลังดี ใส่กุ้งสดตัวโตๆ หน้าตาน่าสีสันชวนรับประทานยิ่งนัก..
ก่อนจากบ้านแม่อารมย์ไป แก็งลูกหมูก็ถือโอกาศขอถ่ายรูปกับพี่เจ้าของบ้านใว้เป็นที่ระลึก หากมีโอกาสคราวหน้าจะได้แวะเวียนมาเยี่ยมเยือนอีกครั้ง..
***************************************************************
ออกจากบ้านแม่อารมย์มา พวกเราก็มุ่งหน้าต่อไปที่อุทยานร.2 ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก เพื่อมาแวะถ่ายรูป และเดินชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์แห่งนี้..
เพราะพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ที่นี่จึงมีจักรยานให้เช่าสำหรับปั่นเที่ยวชมบริเวณอุทยาน นอกจากจะได้ชมความสวยงามของสองข้างทางแล้ว ยังได้ออกกำลังกายไปในตัวอีกด้วย..
บรรยากาศและพื้นที่โดยรอบอุทยาน ร.2 ส่วนใหญ่จะเป็นสวนดอกไม้ และบ้านเรือนไทย อย่างที่เห็นไกลๆคือเรื่อนไทยซึ่งเคยเป็นที่ประทับของ ร.2 ฯ ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเยี่ยมชมได้ ..
ปิดท้ายทริปนี้ด้วยภาพที่มีชื่อว่า
"ฉันจะบิน" (ไม่มีคำบรรยาย.. )
************************************************************
...............................................................................................
เก็บภาพฝันวันเก่ามาเล่าใหม่
เก็บสถานที่เคยไปมาเล่าขาน
เก็บผู้คนที่พบเห็นเป็นตำนาน
เก็บวันวานที่อัมพวาให้ตราตึง..