นกมีปีกใว้สำหรับโบยบินฉันใด คนเราก็มีขาใว้เพื่อออกก้าวเดินฉันนั้น ...
ท้าวความเมื่อตอนที่แล้ว "ทริปเขาค้อ เพชรบูรณ์ ตอนที่1" เราเดินทางไปถึงเพียงแค่ พิพิธภัณฑ์อาวุธ (ฐานยิงสนับสนุนอิทธิ) ก็จบตอนเสียก่อน (ขี้เกียจเขียนอ่ะ)
วันนี้นายMK จะพาเพื่อนๆไปเที่ยวเขาค้อต่อนะครับ.. ยังมีอีกหลายที่ ที่อยากนำมาบอกเล่าและแบ่งปันเรื่องราวให้กับเพื่อนๆได้รับชมกัน..
อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ
ขึ้นชื่อว่า "สงคราม" แล้ว ล้วนนำมาแต่ความโศรกเศร้าสูญเสียกันทั้งนั้น..ชัยชนะที่ได้มาบนหยดเลือด คราบน้ำตาและกองซากศพ หาใช่ชัยชนะที่แท้จริงไม่ ยิ่งเป็นหากกองซากศพเหล่านั้นเป็นของพี่น้องคนไทยด้วยกันเอง มันช่างน่าเศร้าหดหู่ใจทับทวียิ่งนัก..
อนุสรณ์สถานผู้เสียสละ ตั้งอยู่บนยอดเขาสุงสุดของเขาค้อ เลยฐานอิทธิไปอีก 1กิโลเมตร สร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนวีรกรรมของ พลเรือน ทหาร ตำรวจ ผู้พลีชีพในการต่อสู้ปกป้องพื้นที่ในเขตรอยต่อ 3จังหวัด คือ พิษณุโลก เพชนรบูรณ์ และ เลย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511-2525
อนุสรณ์สถานผู้เสียสละ สร้างด้วยหินอ่อนเป็นรูปสามเหลี่ยมสูง 24 เมตร หมายถึงการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างพลเรือน ตำรวจ ทหารในปีพ.ศ. 2524 ภายในบันทึกประวัติอนุสรณ์สถานและรายชื่อวีรชนผู้เสียสละเอาใว้..
- ฐานอนุสรณ์สถานกว้าง 11 เมตร หมายถึง พ.ศ. 2511 อันเป็นปีเริ่มการปฎิบัติการรุนแรงของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในพื้นที่..
- ความสูงจากแท่นบูชาถึงยอดอนุสรณ์สถาน 24 เมตร หมายถึงปี พ.ศ.2524 อันเป็นปีที่เปิดยุทธการครั้งใหญ่
- ความสูงจากฐานถึงยอดอนุสรณ์สถาน 25 เมตร หมายถึงปี พ.ศ.2525 อันเป็นปีสิ้นสุดการต่อสู้
- ความกว้างฐานสามเหลี่ยมด้านละ 2.6 เมตร หมายถึงปี พ.ศ.2526 อันเป็นปีเริ่มการก่อสร้างอนุสรณ์สถานผู้เสียสละแห่งนี้..
อนุสรณ์สถานแห่งนี้ พลเอก อาทิตย์ กำลังเอก ผู้อำนวยการป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ทั่วไป ได้มาทำพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2526 โดยสร้างขึ้นด้วยเงินบริจาคของประชาชนและข้าราชการทุกฝ่าย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ ได้เสด็จมาเป็นองค์ประธานเปิดอนุสรณ์สถานแห่งนี้ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2527 เพื่อเตือนใจคนไทยทั้งชาติว่า "ยามใดที่คนไทยขัดแย้งกัน จะต้องมีการสูญเสียอย่างผู้กล้าหาญ 1,171ชีวิต ที่จารึกใว้กับองค์อนุสรณ์ จงอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก" ทางจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้กำหนดวันที่ 20กุมภาพันธ์ของทุกปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2527 เป็นต้นมา ให้เป็นวันสมโภช อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อแห่งนี้..
เจดีย์พระบรมสารีริกธาตุ เขาค้อ
เจดีย์พระบรมสารีริกธาตุ สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ครบ 50 ปี ที่ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งอันเชิญมาจากประเทศศรีลังกา ในวันสำคัญทางศาสนาจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวมาร่วมกันประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เช่น เวียนเทียน เป็นประจำ..
วันนี้มีนักท่องเที่ยวแวะมานมัสการเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุค่อนข้างหนาตา เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาว บางคนก็ตั้งใจมากราบนมัสการขอพรโดยเฉพาะ..
ภายในองค์เจดีย์ ได้จัดเตรียมเทียนใว้สำหรับนักท่องเที่ยวและผู้มีจิตศรัทธา เพื่อจุดบูชาพระบรมสารีริกธาตุ และยังสามารถร่วมทำบุญใส่บาตรเงินเหรียญตามพระบูชาและพระประจำวันเกิดได้อีกด้วย..
น้ำตกศรีดิษฐ์
น้ำตกศรีดิษฐ์ เป็นน้ำตกที่นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนเขาค้อ ต้องมาเที่ยวชม เนื่องจากเส้นทางต่อเนื่องกับการเที่ยวชมทัศนียภาพในกลุ่มแหล่งท่องเที่ยว เขาค้อ โดยการเดินทางใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2196 จากแยกแค้มป์สนไปประมาณ 18 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2325 อีกประมาณ 10 กิโลเมตร
เมื่อมาถึงด้านหน้าทางเข้าสู่ "น้ำตกศรีดิษฐ์" จะ ได้พบกับแท่นจารึกรายชื่อผู้เสียสละชีวิตที่สมรภูมิแห่งนี้ จากนั้นค่อย ๆ เดินกันไปตามเส้นทางธรรมชาติที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่น เดินกันยังไม่รู้สึกเหนื่อยก็จะมองเห็นสะพานไม้ทอดตัวไปบนหมู่ก้อนหิน ข้ามสะพานไม้ (สะพานชีวิต) ก็ถึงกับฐานที่มั่นของกองกำลังผกค.ในอดีต ในบริเวณนี้ทุกท่านจะได้ศึกษาลักษณะที่พักปลูกสร้างอย่างง่าย ๆ ทำจากไม้ไผ่และฟางมัดเป็นผนังกระท่อมและมุมหลังคา ภายในมีเพียงแผ่นไม้ยกพื้นทำเป็นที่นั่งและที่นอน ด้านนอกเป็นที่ทำครัวมีครกกระเดื่องที่กลุ่ม ผกค. อาศัยพลังน้ำตกที่ไหลมาตามกังหันวิดน้ำหมุนให้เกิดแรงทำให้ครกสามารถตำข้าว ได้โดยไม่ต้องใช้แรงตนเอง เดินต่อไปอีกเล็กน้อยก็จะถึงจุดหมายปลายทางของการเดินทางครั้งนี้ น้ำตกศรีดิษฐ์
ตัวน้ำตกศรีดิษฐ์เป็นหินชั้นขนาดใหญ่ มีน้ำตกตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวสามารถพักผ่อน รับประทานอาหาร ลงเล่นน้ำ และซื้อของที่ระลึกของชาวเขากลับบ้านได้ ที่น้ำตกนี้ เดิมเคยเป็นที่อยู่ของกลุ่ม ผกค. ซึ่งยังปรากฎหลักฐาน และสิ่งของเครื่องใช้หลายอย่างของกลุ่ม ผกค.ในบริเวณน้ำตก เช่นครกตำข้าวที่ ผกค. สร้างขึ้นโดยใช้พลังน้ำตกช่วยเคลื่อนกังหันตำข้าว เป็นต้น
น้ำตกศรีดิษฐ์ เป็นน้ำตกชั้นเดียวไหลผ่านจากหน้าผาตัด ลัดเลาะมาตามซอกหินชั้นต่าง ๆ ตกลงมาคล้ายม่านน้ำตกหลายม่านอย่างสวยงาม ด้านล่าง มีน้ำขังเป็นแอ่งขนาดใหญ่ สามารถลงเล่นน้ำได้ แต่ช่วงฤดูฝนควรระมัดระวังเป็นพิเศษเนื่องจากน้ำจะไหลเชี่ยว จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถสัมผัสได้ทั้งบรรยากาศแห่งความเป็น ธรรมชาติ และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง กันได้
ถ้าใครมีโอกาสมาเที่ยวเขาค้อ ก็อย่าลืมแวะมาเยี่ยมชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติอันร่มรื่น ที่น้ำตกศรีดิษฐ์แห่งนี้นะครับ..
เขาค้อในยามสนธยา
กลับจากน้ำตกศรีดิษฐ์ ผ่านเส้นทางที่เป็นเนินเขาลาดชัน สองฟากฝั่งถนนถูกทดแทนด้วยสิ่งปลูกสร้างที่เรียกว่า รีสอร์ท ภูเขาหลายลูก ต้นไม้หลายต้นถูกปรับเปลี่ยนสภาพและถูกโค่นโดยนายทุนเพื่อนำมาสร้างรีสอร์ทรองรับบรรดานักท่องเที่ยวจากเมืองใหญ่..
อาทิตย์ใกล้อัสดง แส่งสีหมากสุกที่ฉาบทาท้องฟ้าใกล้โรยราเต็มที.. ไอเย็นเริ่มก่อตัวแผ่คลุมทั่วบริเวณ ส่งให้อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว ..ความหนาวเย็นคลืบคลานเข้ามาแทนที่พร้อมกับแสงตะวันที่ค่อยๆลับหายไป..
เหลียวมองลงไปเบื้องล่าง.. เต้นท์มากมายหลายขนาดและหลากสีสัน กระจายตัวไปทั่วบริเวณลานกว้างของรีสอร์ท ซึ่งถูกเตรียมใว้สำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ เนื่องจากบ้านพักที่มีเต็มหมดแล้ว..
แสงไฟจากรีสอร์ทที่ไกลออกไป ส่องแสงระยิบยับ ราวกับดาวบนพื้นดิน ยิ่งยืนเหลียววมองจากที่สูงลงไปยิ่งสวยงามราวอยู่บนวิมานแมน..
เช้านี้ที่เขาค้อ
ค่ำคืนอันหนาวเย็นแต่ไม่ถึงกับหนาวเหน็บผ่านพ้นไป.. บรรดานักท่องเที่ยวต่างรีบตื่นขึ้นมารับบรรยากาศยามเช้าตรู่ และหวังจะได้ทัศนาทะเลหมอกแห่งเขาค้อกัน แต่ครั้งนี้หลายคนต้องผิดหวัง เพราะไม่มีทะเลหมอกให้ดู ..
ถึงครั้งนี้โชคจะไม่เข้าข้างสักเท่าไหร่ ด้วยไม่มีทะเลหมอกใช้ยลดังที่วาดหวัง แต่บรรยากาศยามเช้าที่เขาค้อ ก็แผ่คลุมด้วยไอหมอกบางๆทั่วบริเวณ ดูคลาสสิคน่าชวมมองไม่น้อยเลยทีเดียว..
วันนี้มีหมู่พระธุดงค์คณะใหญ่หลายกลุ่ม ธุดงค์ผ่านและมารับบิณฑบาตรในตอนเช้าด้วย ทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวจึงมีโอกาสได้ทำบุญใส่บาตรกัน..
ตลาดยามเช้าที่เขาค้อดูคึกคักไม่แพ้ทีอื่นเหมือนกัน มีทั้งเครื่องดื่มร้อนๆและอาหารสุขใหม่ๆ ให้คลายหนาว ตลอดทั้งของใช้ เสื้อผ้า และของที่ระลึกให้เลือกซื้อหากันตามอัธยาศัย
เช้านี้เลยถือโอกาสรองท้องด้วยโจ๊กใส่ไข่ร้อนๆ ประทังความหิวและให้ความอบอุ่นแก่กระเพาะไปด้วย..
กลับมาที่เต๊นท์พัก เจอน้องๆแต่งชุดชาวเขาดูหน้าตาน่ารักสมวัย..มาเดินถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยวก็เลยถือโอกาสเก็บภาพใว้เป็นที่ระลึก
"นอนเขาค้อ1คืน อายุยืน1ปี " ถ้าอยากรู้ว่าสโลแกนที่ว่านี้ เป็นจริงมากน้อยเพียงใด ต้องลองมาสัมผัสและพักค้างที่เขาค้อแห่งนี้ดูสักครั้งนะครับเพื่อนๆ..
ปล. ทริปเขาค้อ เพชรบูรณ์ ยังไม่จบเพียงเท่านี้นะครับ พบกันใหม่ใน ทริปเขาค้อ เพชรบูรณ์ (ตอนที่3) ตอนจบ เร็วๆนี้ครับ..